top of page
  • Writer's pictureMook

Lemon Drizzle Cake


วันนี้มีสูตรเลม่อนเค้กมาฝากค่าา ^^ สูตรนี้ดัดแปลงมาจากสูตรของ Ina Garten (Celebrity Chef ของ Food Network US) อีกทีค่ะ หลังๆมานี้ถ้าเห็นใน IG จะเห็นว่ามุกบ้าทำขนมที่ใส่เลม่อนมากกก เพราะว่าส่วนตัวแล้ว ชอบเลม่อนมากๆค่ะ ชอบความเปรี้ยวอมหวาน ความเปรี้ยวที่ไม่โดเกินไป ทำให้ขนมเรามีความละมุนมากค่ะ


เค้กเลม่อนนี้มุกจัดให้อยู่ในประเภท Coffee Cake และ Loaf Cake ค่ะ ความหมายไม่ได้แปลว่ามีส่วนผสมของกาแฟแต่อย่างใดนะคะ แต่ว่าเป็นขนมที่ทานคู่กับกาแฟแล้วเข้ากันได้ดี เช่นเดียวกับมัฟฟิน สโคน หรือบิสกิตค่ะ ขนมประเภทนี้เป็นลักษณะที่ทำง่าย มีรสชาติที่ดูเรียบง่าย แต่กลับมีความซับซ้อน นุ่มลึกหลากหลายรสชาติและเนื้อสัมผัสในคราวเดียว ส่วนตัวมุกชอบขนมอบประเภทโลฟนี้มาก อาจเป็นเพราะส่วนตัวชอบทานชาและกาแฟด้วย เลยชอบหาสูตรขนมที่สามารถทานคู่ด้วยแล้วไม่ทำให้เลี่ยนจนเกินไปค่ะ


Lemon Drizzle Cake เหมาะกับเป็นขนมกินยามบ่ายกับกาแฟ หรือชามากๆค่ะ ทำง่าย แต่ให้ผลลัพธ์ที่อร่อย ฉ่ำมาก สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 5 วันนะคะ เนื่องจากเค้กทำจากเนย ถ้าทิ้งไว้นานเกิน เนื้อจะแข็ง และแห้งขึ้น ถ้าเทียบกับขนมที่ใช้น้ำมันเป็นส่วนประกอบค่ะ (เดี๋ยวโพสต์ต่อไปจะมาเล่าถึงความแตกต่างระหว่าง เนย และน้ำมันนะคะ :)


เทคนิคที่ใช้ในสูตรนี้ : ในสูตรนี้เราจะใช้วิธี Creaming method ค่ะ คือการตีเนยนิ่ม และน้ำตาลให้ขึ้นฟูจนสีอ่อนลง วิธีนี้จะเพิ่มอากาศเข้าไปในส่วนผสม ทำให้ขนมของเรามีความนุ่มขึ้นค่ะ ข้อระวังคือหลังจากใส่ของแห้ง (แป้ง) ลงไปแล้ว อย่าคนนานเกินไปค่ะ ถ้าคนนานไป เราจะไปทำให้กลูเต็น (โปรตีนในแป้ง) ทำงานเยอะขึ้น ส่งผลให้ขนมมีความแข็งค่ะ


รู้ได้อย่างไรว่าเนย "นิ่ม" แล้ว? : "เนยนิ่ม" ของแต่ละคนจะมีความหมายที่ต่างกันไปค่ะ นิ่มแบบไหนคือพอดี แบบไหนคือมากไป มีคำในภาษาอังกฤษคำหนึ่งที่มุกฟังมาจาก Cupcuke Jemma (Youtuber) ที่รู้สึกว่าตรงใจมากๆ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าแปลเป็นไทยว่าอย่างไร แต่เขาบอกว่า "The butter should be squeezably soft." พอเข้าใจไหมคะ? ถ้าให้มุกแปล ก็คือว่า ถ้าเราเอานิ้วจิ้มลงไปที่เนย แล้วมันมีแรงต้านประมาณนึงแต่ไม่มาก แล้วกดไปเห็นเป็นรอยนิ้วมืออย่าชัดเจน โดยไม่ใช้แรงเยอะเกินหรือน้อยเกิน ถือว่าโอเค

แล้วนิ่มเกินคือยังไงนะ? ถ้าเนยนิ่มเกินไป แค่เอานิ้วจิ้มนิดเดียวก็จะเห็นเป็นรอยนิ้วมือแล้ว แทบไม่ต้องออกแรงเลย แล้วถ้าสังเกตลักษณะภายนอกจะเห็นว่าเริ่มละลายมีความเหลว

ส่วนถ้าเนยแข็งเกินไป เวลากดต้องใช้แรงประมาณนึงเลย ซึ่งถ้านำเนยที่แข็งเกินไปมาตีแล้วตีไม่ดีพอ จะเห็นเป็นก้อนเนยเล็กๆไปทั่วส่วนผสมเลยค่ะ อาจจะทำให้เค้กไม่นิ่มฟูอย่างที่ต้องการ


อะๆ เกริ่นมานานพอแล้ว เรามาลงมือทำกันเลยนะคะ


สูตร Lemon Drizzle Cake

สูตรนี้ใช้เลม่อน 2 ลูกค่ะ

ส่วนผสม

(1)

แป้งสาลี 225 กรัม

ผงฟู 1/4 ช้อนชา

เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา

เกลือ 1/2 ช้อนชา

(2)

เนยจืดนิ่ม 115 กรัม

น้ำตาลทรายขาว 200 กรัม

กลิ่นวนิลา 1 ช้อนชา

(3)

ไข่ไก่ (มุกใช้น้ำหนัก 65 กรัม) 2 ฟอง

(4)

*Buttermilk 105 กรัม

น้ำเลม่อน 27 กรัม

ผิวเลม่อนขูด 1 ช้อนโต๊ะ


*Buttermilk ทำให้เนื้อขนมมีความนุ่มและฉ่ำขึ้น ด้วยความที่มีกรดผสมอยู่ ทำให้กรดนี้ช่วยลด (Break down)โครงสร้างโปรตีนในแป้ง (กลูเต็น) ทำให้เนื้อขนมไม่แข็ง และมีความนุ่นขึ้นค่ะ


วิธีทำ

1. อุ่นเตาอบไฟบนล่าง ไม่พัดลม ไปที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส เตรียมพิมพ์โลฟไว้ (หากใครไม่มีพิมพ์โลฟ สามารถใส่ถ้วยคัพเค้ก หรือพิมพ์กลม พิมพ์ Bundt ตามขนาดที่เหมาะสมได้ค่ะ) มุกใช้พิมพ์โลฟอลูมิเนียมขนาด 2.5x5 นิ้ว สูง 2 นิ้ว ค่ะ (สูตรนี้จะได้ 2 โลฟพอดี)

2. ผสมของแห้ง (1) เตรียมไว้ คนด้วยตะกร้อให้เข้ากัน ไม่ต้องร่อน

3. ทำ Buttermilk โดยการนำนมสด 105 กรัม ผสมเข้ากันน้ำเลม่อน 2 ช้อนชา คนให้เข้ากันแล้วพักทิ้งไว้ประมาณ 2 นาที นมสดจะข้นขึ้น (หากไม่สะดวกทำ buttermilk ใส่นมสดธรรมดาแทนได้ค่ะ ขอเป็น full fat ค่ะ)

4. เริ่มทำด้วยการตีเนยจืดนิ่ม กลิ่นวนิลา และน้ำตาลทรายขาวด้วยเครื่องตีมือ ด้วยความเร็วต่ำ ถึงกลางค่ะ (ของมุกใช้ Severin ความเร็ว 1 ค่อนข้างแรง) ตีจนส่วนผสมเข้ากันดี สีอ่อนลง ประมาณ 3 นาทีค่ะ


5. เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้ว ใส่ไข่ไก่ลงไปทีละฟอง ตีให้เข้ากันแล้วค่อยใส่ฟองถัดไป



หลังจากใส่ไข่ฟองแรก

หลังจากใส่ไข่ฟองที่ 2 ส่วนผสมจะเนียนแบบนี้ ไม่เห็นเม็ดเนย แสดงว่าเราตีเนยได้ดีค่ะ

6. ใส่ผิวมะนาวขูดลงไป แล้วผสมให้เข้ากัน


7. สลับใส่ส่วนของแห้ง (1) Buttermilk และน้ำเลม่อนลงไป คนพอเข้ากันแล้วใส่จนหมด



ตอนใส่ของแห้งสามารถใช้พายยางผสมได้นะคะ เพื่อไม่ให้คนเยอะเกินไป (Overmix)

หลังจากผสมเสร็จจะมีลักษณะเป็นแบบนี้ ไม่เนียนมาก กำลังดีค่ะ

8. แบ่งใส่โลฟที่เตรียมไว้ เกลี่ยหน้าให้เรียบ ถ้าขนาดแบบที่มุกใช้จะใส่โลฟละ 390 กรัมพอดี เคาะพิมพ์สัก 2 ทีเพื่อไล่ฟองอากาศ จากนั้นนำเข้าอบนาน 32 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดพิมพ์และเตาของแต่ละคนด้วยนะคะ




ขนมเราจะฟูและหน้าแตกนิดนึงประมาณนี้ สีเหลืองทองสวย

รู้ได้อย่างไรว่าขนมสุกแล้ว?

มีวิธีนึงที่มุกใช้มาสักพักแล้ว นอกจากการนำไม้จิ้มฟันไปจิ้มตรงกลางเค้กเพื่อเช็คว่าเค้กได้หรือยัง ในกรณีที่ไม่มีตัวจิ้ม พอขนมอบถึงเวลาที่เราคิดว่าจะสุกแล้ว ให้เปิดเตาแล้วเขย่าๆพิมพ์ดู ถ้ามันไหลไปตามแรงเขย่า มีความเหลวๆแสดงว่ายังไม่สุก ให้ต่อเวลาอีก ซึ่งเวลาที่ต่อขึ้นอยู่กับการสังเกตของแต่ละคนว่ายังเหลวมากอยู่ หรือเกือบสุกแล้วแต่อีกนิด ส่วนตัวมุกชอบเพิ่มทีละ 5 นาทีค่ะ แต่วิธีนี้ต้องอาศัยการฝึกฝน ทำขนมบ่อยๆ จะพอสังเกตได้ เพราะนอกจากสีแล้ว การแตะๆตรงข้างหน้าก็ช่วยนะคะ ถ้าเราคิดว่าขนมเราใกล้สุกมากแล้ว ไม่เหลวมากแล้ว ให้เอานิ้วแตะๆตรงกลางเค้ก ถ้ามันมีการเด้งกลับ มีแรงต้าน แบบไม่แข็งนะ เอาออกจากเตาเลยค่ะ ให้มาสุกต่อข้างนอกอีก ถ้าปล่อยให้สุกเกินไปในเตา เค้กเราจะค่อนข้างแห้ง งงไหมคะ ^^ ต้องฝึกสังเกตขนมของเราด้วยนะคะ


หลังจากนำออกจากเตาแล้วเราพักให้เย็นสัก 10 นาที ระหว่างนี้มาทำน้ำเชื่อมเลม่อนรอกันเลยค่ะ


สูตรน้ำเชื่อมเลม่อน

ส่วนผสม

น้ำเลม่อน 65 กรัม

น้ำตาลทรายขาว 65 กรัม


วิธีทำ

1. ผสมน้ำเลม่อน และน้ำตาลทรายขาวเข้าด้วยกันในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟกลาง รอเดือดสักพัก ส่วนผสมจะข้นขึ้น ให้ยกลงพักไว้

*ถ้าชอบให้มีความเหลวกว่านี้สามารถเติมน้ำได้ตามความชอบค่ะ


เมื่อเค้กเย็นลงแล้ว แต่ยังอุ่นๆให้นำน้ำเชื่อมเลม่อนไปราดบนเค้กทั้ง 2 โลฟอย่างเท่าๆกัน พักให้เย็นสนิทแล้วค่อยราด Lemon glaze ค่ะ


หลังจากราดน้ำเชื่อมเลม่อนแล้ว เค้กเราจะมีความเงาๆประมาณนี้ค่ะ

หลังจากราดน้ำเชื่อมสักพัก ให้นำเค้กออกจากพิมพ์ ไม่งั้นก้นจะแฉะเกินไป

ระหว่างรอเค้กเย็นสนิท เรามาทำ Lemon Glaze กันเลยค่ะ


Lemon Glaze

ส่วนผสม

น้ำตาลไอซิ่ง 70 กรัม

น้ำเลม่อน 2 ช้อนโต๊ะ

เกลือหยิบมือ


วิธีทำ

1. ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้วคนเร็วๆด้วยตะกร้อ หรือส้อม จนน้ำตาลละลายไม่เห็นก้อน มุกใส่เกลือไปนิดนึงเพื่อตัดรสหวานเปรี้ยวค่ะ


เมื่อเค้กเย็นสนิท นำเกลซมาราดให้ไหลๆลงมาข้างๆแบบนี้ค่ะ ถ้าอยากได้เกลซเยอะกว่านี้สามารถปรับปริมาณน้ำตาลไอซิ่ง น้ำเลม่อนได้เลยค่ะ อาศัยคอยชิมรสชาติเอาค่ะว่าเราชอบประมาณไหน พอเกลซเย็นลงมันจะเกาะตัวเค้กไว้ สวยงามค่ะ (เหมือนโดนัทเกลซของ Krispy Kreme ค่ะ)

วางเค้กบนตะแกรงเพื่อราด glaze จะง่ายขึ้นค่ะ

*การวางเค้กบนตะแกรงเพื่อราดเกลซ จะทำให้ก้นเค้กไม่แฉะไปด้วยเกลซและน้ำเชื่อมค่ะ อาจจะเปรอะหน่อย แต่ทำให้ได้ขนมที่สวย และอร่อยค่ะ




มีขนมทานกับชายามบ่ายยังคะ?

เป็นไงบ้างค้า? ยากหรือเปล่า? หวังว่าคงไม่ยากเกินไปนะคะ ถ้าใครทำแล้วส่งรูปมาดูด้วยน้า หรือถ้ามีคำถามสามารถถามมุกในนี้ หรือ Line : @mamoobake, IG/FB: Mamoobake ได้เลยค่ะ


ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ^^

22,113 views3 comments

Recent Posts

See All
bottom of page