top of page
  • Writer's pictureMook

Maple Banana Loaf


สวัสดีค่าทุกคนน :) ห่างไปสักพักกับการลงสูตรใหม่ๆนะคะ วันนี้มากับ Loaf Cake Series อีกแล้วว จริงๆวันนี้ไม่ได้คิดจะทำตัวนี้เลยค่ะ แต่ตอนเช้าเปิดตู้เย็นดูก็เจอกับ Maple Syrup ที่เพื่อนชาวแคนาดาเอามาให้เป็นของขวัญวันแต่งงาน ผ่านมาจะ 7 เดือนยังไม่ได้เปิดเลยค่ะ หาเรื่องทำแพนเค้กไม่ได้สักที เลยคิดว่าลองเอามาใส่ขนมดีกว่า แต่ว่ากินกับอะไรดีนะ? ทีนี้ไปร้านสะดวกซื้อ ก็เจอกล้วยหอม (สียังเหลืองๆอยู่ยังไม่สุกมาก) เลยหยิบมา 3 ลูกค่ะ เลยสรุปว่า "อ้ะ ลองทำ Maple Banana Loaf" ละกัน"


มันก็คือ เค้กกล้วยหอมใส่เมเปิ้ลไซรัปนี่แหละค่ะ เค้กแบบโลฟ เอกลักษณ์คือจะเนื้อแน่น แต่ไม่แห้ง ยังคงความนุ่ม ฉ่ำอยู่ ปัจจัยที่ทำให้เป็นแบบนี้มีหลายอย่างค่ะ เช่น วัตถุดิบที่ใส่ ปริมาณที่ใส่ การผสม อุณหภูมิที่อบ และระยะเวลาที่อบค่ะ เอาตรงๆมุกเองยังไม่ถือว่าตัวเองเป๊ะมากนะคะ ทุกๆครั้งที่ทำก็ยังคงลองอะไรใหม่ๆเรื่อยๆ เช่น วันนี้ลองอุณหภูมินี้ อีกวันลองอบนานขึ้น เปลี่ยนวัตถุดิบไปเรื่อย แต่คงอัตราส่วนแรกสุดที่ค้นพบว่าโอเคและ แล้วยึดอัตราส่วนนั้นแล้วปรับส่วนผสมเอาค่ะ :)


ร่ายยาวอีกแล้ว เริ่มทำกันเลยค่ะ! เทคนิคที่ใช้ในวันนี้ก็คือ Creaming method เหมือนเดิมค่ะ ต่างที่ว่าวันนี้ที่ทำมุกไม่ได้ใช้เครื่องตีมือถือ ใช้พายยาง กับตะกร้อมือค่ะ เพราะมีลูกค้าหลายคนลองไปทำสูตร lemon drizzle มา บางคนไม่มีเครื่องตีมือ เลยสงสัยว่าถ้าใช้มือตีจะต่างกันมากไหม? คำตอบคือ ไม่ค่ะ แต่เหนื่อยขึ้นนิดนึงเท่านั้นเอง ^^


สูตร Maple Banana Loaf

สิ่งที่ต้องเตรียม : พิมพ์โลฟขนาด 9x5 นิ้ว 1 พิมพ์


ส่วนผสม

กล้วย (ไซส์กลาง) 3 ลูก (มุกชั่งน้ำหนักมาได้ 200 กรัม)

เนยจืดนิ่ม 125 กรัม

น้ำตาลทรายแดง 50 กรัม

น้ำเชื่อมเมเปิ้ล 80-100 กรัม (ขึ้นอยู่กับความหวานที่ชอบ)

กลิ่นวนิลา 1/2 กรัม

แป้งสาลีเอนกประสงค์ 225 กรัม

ผงฟู 1 ช้อนชา

เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา

เกลือ 1/2 ช้อนชา

Buttermilk 60 กรัม

ไข่ไก่ 1 ฟอง


วิธีทำ

1. อุ่นเตาอบไปที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส เตรียมพิมพ์โลฟไว้ สามารถทาเนยบางๆแล้ววางกระดาษไข หรือทาเนย แล้วใส่แป้้งสาลี แล้วเคาะๆเกลี่ยให้ทั่วๆพิมพ์ค่ะ

2. ร่อนของแห้งเข้าด้วยกัน (แป้งสาลี เบกกิ้งโซดา ผงฟู และเกลือ) พักไว้

3. บดกล้วยเตรียมไว้ บดหยาบ หรือละเอียดขึ้นอยู่กับความชอบค่ะ มุกบดหยาบๆยังให้เห็นเนื้อกล้วยอยู่

*ถ้ากล้วยสุกมากให้ลดปริมาณน้ำตาลลงตามความเหมาะสมค่ะ*


4. ผสมเนยนิ่มกับน้ำตาลทรายแดงให้เข้ากันโดยใช้พายยางค่ะ


5. ใส่น้ำเชื่อมเมเปิ้ลลงไป แล้วคนให้เข้ากัน

คนสักพัก สามารถเปลี่ยนเป็นตะกร้อมือ ตีให้เข้ากันจนสีอ่อนลงนิดนึงค่ะ


6. ใส่ไข่ไก่ลงไป แล้วคนให้เข้ากัน อาจจะเห็นเป็นก้อนๆลอยๆแยกตัวกัน ไม่ต้องตกใจนะคะ เดี๋ยวพอใส่นมสด และของแห้งลงไป ส่วนผสมจะค่อยๆเข้ากันเองค่ะ


ส่วนผสมจะแยกตัวแบบนี้ค่ะ ไม่ต้องตกใจนะคะ :)

7. ค่อยๆใส่ส่วนของแห้ง สลับกับ Buttermilk ค่ะ (ถ้าไม่มีใช้นมสดธรรมดาได้ค่ะ) มุกคนด้วยพายยางค่ะ กลัวว่าถ้าคนด้วยจะกร้อจะคนเยอะเกินไป แล้วเค้กเนื้อจะแข็งค่ะ




ส่วนผสมจะเละๆไม่ค่อยเหลวนะคะ คนเข้ากันแล้วไม่เห็นเศษแป้งถือว่าโอเคแล้วค่ะ

8. เทส่วนผสมใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ เกลี่ยให้เสมอกัน เคาะพิมพ์ 2-3 ที แล้วอบที่อุณหภูมิ 170 องศา ประมาณ 45 นาที คอยเช็คตอนนาทีที่ 40 เขย่าๆพิมพ์ ถ้ายังเหลวอยู่ให้เพิ่มทีละ 5 นาทีค่ะ พอคิดว่าใกล้สุกแล้วให้เอานิ้มจิ้มๆตรงกลางเค้กค่ะ ถ้าไม่เหลว และมีการเด้งกลับ (แบบไม่แข็งนะคะ) ถือว่าโอเคสุกแล้วค่ะ อีกวิธีนึงคือเอาไม้จิ้มฟันจิ้มลงไปกลางเค้กค่ะ


หน้าจะแตกแบบนี้ค่ะ มุกว่ามันเป็นเสน่ห์ของเค้กโลฟน้า

พอเค้กสุกแล้วนำมาผึ่งบนตะแกรงให้เย็นลงสักนิด ก่อนนำออกจากพิมพ์ค่ะ สามารถเจาะรูเค้กด้วยไม้จิ้มฟัน แล้วค่อยๆราด Maple Syrup อีกทีเพื่อความฉ่ำได้ค่ะ :)


เป็นไงบ้างค้า? หลักการมันคล้ายกับ Lemon Drizzle Cake และ Chocolate Pound Cake ที่ลงไว้ก่อนหน้านี้ค่ะ ต่างแค่ส่วนผสมเท่านั้น ว่าแต่ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าควรใส่อะไร อย่างไร?


มีเคล็ดลับในการดัดแปลงรสชาติอย่างไร?

จริงๆแล้ว ถ้าถามมุก มุกจะตอบว่า มันขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนเลยค่ะ Loaf Cake หรือ เค้กหลายๆชนิด ไม่ได้มีตายตัวว่าต้องมีแค่รสชาตินี้ รสชาตินั้นเท่านั้น แต่มันจะเป็นอะไรก็ได้ที่เราชอบทานค่ะ จินตนาการได้ไม่สิ้นสุดเลย :) แต่มุกจะเริ่มจากดูอัตราส่วนของสูตรหลักของเรา แล้วดัดแปลงจากตรงนั้น สิ่งที่ไม่ควรมากเกินและควรระวังคือของแห้ง ซึ่งอาจจะผสมไปด้วยแป้ง ผงโกโก้ ชาเขียว หรือแป้งโฮลวีทค่ะ โดยเฉพาะถ้าเป็นผงโกโก้ ที่มุกเคยทำ มุกจะคงประมาณของแห้งไว้ ถ้าใส่ผงโกโก้ไปเท่าไหร่ ให้ลดปริมาณแป้งลงเท่านั้นค่ะ เพราะเคยลองแบบ ใส่เพิ่มจากปริมาณแป้งที่ใส่อยู่แล้ว (ตอนนั้นลองกับคุกกี้) ออกมาแข็งมากเลยค่ะ 555


อยากให้ทุกคนลองคิดรสชาติ หรือ combination รสชาติที่คิดว่าเข้ากันได้ออกมาค่ะ แล้วร่างๆ(ขีดๆเขียนๆ) ดูว่า เค้กก้อนนี้ เราอยากให้มีรสชาติไหนนำ แล้วอะไรที่มาเสริมรสชาตินี้ได้บ้าง

ยกตัวอย่างเช่น มุกอยากทำเค้กช็อคโกแลต มุกก็จะคิดว่าอะไรกินกับช็อคโกแลตแล้วเข้ากันได้บ้าง ก็จะมี กาแฟ คาราเมล หรือ salted caramel ยิ่งดีเลย ครีมชีส เป็นต้น ทีนี้พอได้ไอเดียแล้ว เราก็ต้องคิดว่า


- อยากได้หวานประมาณไหน และหวานจากอะไรบ้าง น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายแดงไหม ให้ความฉ่ำ น้ำตาล หรือน้ำผึ้ง?

- ของแห้ง ( Dry Ingredients) เราอยากใส่อะไรบ้าง? แค่แป้งสาลี หรืออยากได้เนื้อสัมผัสด้วย ใส่เป็น semolina หรือ Almond flour ลงไป

- ของเหลว (Liquids) เราอยากใส่นมสด? Buttermilk Yogurt Sour cream

- Add-ons ส่วนที่ใส่เพิ่ม เช่น ถั่วอบ แครนเบอรี่ หรือช็อคชิพ เราก็ต้องคิดว่ามันจะเข้ากับรสชาติหลักไหม และจะเป็น texture ที่โอเคไหมเวลากัดลงไป


พอเราลิสต์ได้คร่าวๆแล้ว ก็ต้องลองทำเลยค่ะ! ขอให้คิดเอาไว้ว่าถ้าเป็นการลองทำ ดัดแปลงสูตร คิดรสชาติเองครั้งแรก ขอให้คิดไว้เสมอว่าจะไม่สำเร็จ อร่อยที่สุดในโลก แค่คิดว่าเราทำเต็มที่ ทานได้ก็แฮปปี้และ เพราะการจะคิดสูตรที่เป๊ะมาก อร่อยสุดๆ มุกว่ามันใช้เวลาค่ะ ลองผิดลองถูกหลายครั้ง แต่อย่าท้อนะคะ สู้ๆค่ะ :)


แต่สูตรวันนี้ที่มาแชร์คือเพิ่งลองทำวันนี้เลยค่ะ มุกชิมแล้วมุกรู้สึกว่ามันไม่หวานเกิน เพราะเราอาศัยความหวานของกล้วยบดเป็นหลัก เนื้อนุ่ม แน่น ทานได้เพลินๆเลยค่ะ ลองทำดูกันนะคะ



ใช้ในสูตรนี้ก็เกือบหมดขวดแล้วค่ะแหะๆ

ลองทำเป็นของว่างยามบ่าย หรือสำหรับมื้อเช้าก็ดีนะคะ :)

760 views0 comments

Comments


bottom of page